กล้วยตาก (GI)


ความเป็นมา


เริ่มจากรุ่นคุณแม่ 30 กว่าปีที่แล้ว แล้วก็มีการพัฒนาสูตร และเทคนิคต่างๆในภายหลังจนเป็นกล้วยตากสังคมในปัจจุบัน

วัตถุดิบ


กล้วยน้ำว้าพันธุ์มะลิอ่อง (พันธุ์ท้องถิ่นของอำเภอสังคม)

วิธีทำ


1. เริ่มตั้งแต่การคัดกล้วยที่แก่จัด เพราะถ้าไม่แก่ ก็จะได้แค่สุก งอมขนาดไหนก็ไม่หวาน หลังจากที่คัดกล้วยที่มีคุณภาพแล้วเราก็จะนำไปบ่ม (จะสุกเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับอุณภูมิอากาศ) ช่วงฤดูร้อน 4-5 วันก็จะสุกเร็วหน่อย แต่ถ้าช่วงที่มีอากาศเย็นมาก ในช่วงฤดูหนาว ก็ประมาณ 8-10 วันกว่าจะสุกงอม หวานได้ที่

2. เมื่อสุกได้ที่แล้ว ก็จะปอกกล้วยกันตั้งแต่เช้ามืดเพื่อให้ทันแสงแดดตอน 8 โมงเช้า จากนั้นก็จะตากแดดไปประมาณ 4-5 วัน ระหว่างนั้นก็คอยกลับด้าน เพื่อให้แห้งอย่างสม่ำเสมอทุกวัน สลับกับอบด้วยเตาถ่านในช่วงกลางคืนก่อนนอน 

3. เช้าก็นำออกตากแดด ในโรงตากโดมพาราโบล่า สะอาดและปลอดภัย ทำอย่างนี้สลับกันไปตามสถานการณ์ จนแห้งได้ที่ ซึ่งจะมีลักษณะ ไม่แข็งจนเกินไป และไม่นิ่มเละจนเกินไป เมื่อกินแล้ว จะมีลักษณะหนึบๆ ใส้ในจะต้องดูแห้งพอดีไม่แข็งจะกระด้าง ผิวด้านนอกก็จะสีน้ำตาลเหลืองนวน สม่ำเสมอทั่วทั้งลูก จะเงามีน้ำหวานเยื้อมบางๆ 

4. จะพักเขาทิ้งไว้อีก 2 วัน เพื่อสังเกตความปลอดภัยว่าบูดเน่าเสียหรือเปล่า เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยก็นำไปแพ็คลงในกล่องบรรจุภัณฑ์ที่มิดชิด 2 ชั้น

 


ข้อมูลอื่นๆ


เป็นกล้วยในท้องถิ่นอำเภอสังคม ซึ่งเป็นกล้วยที่ชาวบ้านปลูกบนภูเขา ปลูกตามป่าตามเขา สภาพอากาศดี ดินใกล้น้ำโขง จึงทำให้กล้วยที่อำเภอสังคมมีรสชาติต่างจากกล้วยที่ปลูกทั่วๆไป ซึ่งไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย

 

1. สินค้าหนองคาย Best

2. ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI

หน่วยงานที่สนับสนุน และงบประมาณ

1.พัฒนาชุมชน

2. สำนักงานพาณิชย์จังหวัดหนองคาย

3. อุตสาหกรรมจังหวัดหนองคาย

4. ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 4 อุดรธานี

5. กรมวิทยาศาสตร์

6. มหาวิทยาลัยขอนแก่น

 

คุณค่าและประโยชน์


1. กินกล้วยน้ำว้าห่ามแล้วอารมณ์ดี มีความสุข เพราะกล้วยน้ำว้ามีสารทริปโตเฟน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตฮอร์โมนเอ็นโดรฟีน

2. ขจัดความเครียด ช่วยให้หลับสบาย และช่วยต้านภาวะซึมเศร้าได้ด้วย เพราะกล้วยน้ำว้ามีสารทริปโตเฟน ทำให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย ควรกินก่อนอาหารเย็น 1 ลูก และหลังอาหารเย็น 1 ลูก

3. แก้ท้องผูก เพราะมีกากใย ไฟเบอร์สูง กระตุ้นการขับถ่าย ทำให้อุจจาระนุ่ม ขับถ่ายง่าย ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ โรคกระเพาะ มะเร็งตับ และบรรเทาอาการโรคริดสีดวงทวาร

4. แก้อาการท้องเสีย เพราะกล้วยน้ำว่าห่ามมีสารแทนนินที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ช่วยป้องกันผนังกระเพาะลำไส้ถูกทำลายซึ่งเป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย

5. ลดความดัน เพราะมีสารโพเแทสเซียมจะช่วยขับโซเดียมออกจากร่างกายผ่านเหงื่อ ปัสสาวะ

6. ชะลอชรา ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า เพราะมีสารเบต้าแคโรทีน วิตามินซีสูง และสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอวัย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล

7. ลดความอ้วน ควบคุมน้ำหนัก เพราะกล้วยน้ำว้าห่าม 1 ผล มีน้ำตาลน้ำตาลเชิงเดียว คือกรูโคสและ ฟรุกโตส ประมาณ 1 ช้อนชา เมื่อกินเข้าไปแล้วร่างกายนำไปใช้ได้ทันที ทำให้รู้สึกมีแรง ควรกินก่อนออกกำลัง หรือกินก่อนมื้ออาหาร 1 ผล ทำให้ กินข้าวต่อมื้อลดลง และลดความอยากอาหาร

8. ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงเร่ิมเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนและผู้หญิงสูงอายุ เพราะกล้วยน้ำว้าห่าม มีแคลเซียมสูง หากนำไปปิ้งหรือต้มปริมาณแคลเซียมจะเพิ่มขึ้น 5-6 เท่า แนะกินกล้วยป้ิงหรือต้มวันละ 1 ลูก จะได้แคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอ

9. ดีท็อกซ์ลำไส้ ช่วยให้ถ่ายง่ายแล้ว ลำไส้สะอาด เพราะช่วยกำจัดแบคทีเรียที่เกิดจากการกินเนื้อสัตว์มากจนอุจาระมีกลิ่นเหม็น แนะนำให้กินกล้วยน้ำว้าห่ามวันละ 4 ลูกเป็นเวลา 1 อาทิตย์ อุจจาระไม่เหม็น

10. แก้ปัญหาปากเป็นแผล ร้อนใน ช่วยให้ปากไม่เหม็น

11. ป้องกันโรคโลหิตจาง เพราะกล้วยน้ำว้าห่ามมีธาตุเหล็ก

12. บำรุงเหงือกและช่วยป้องกันฟันผุ จากแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซี

 



ร้านอาหาร


แผนที่ร้านอาหาร


»

Scroll to Top